สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“สำนักงานกสทช.”) เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองและดำเนินกิจกรรมทางปกครองเพื่อประโยชน์สาธารณะตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติ
การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ และกฎหมายอื่น ๆ ที่ให้อำนาจแก่ กสทช. และสำนักงาน กสทช.


       ประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้บริการในฐานะผู้ใช้บริการของสำนักงาน กสทช. ได้ทราบวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และเพื่อให้การใช้อำนาจทางปกครองในการจัดทำบริการสาธารณะของสำนักงาน กสทช. บรรลุวัตถุประสงค์ ผู้ใช้บริการจึงต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องครบถ้วนอาจทำให้สำนักงาน กสทช. ไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาต หรือการดำเนินการต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องได้


       บทนิยาม


       “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการขอใบอนุญาตประเภทใดประเภทหนึ่งที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ตามที่กฎหมายกำหนด หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือผู้บริโภค หรือผู้รับบริการด้านอื่น ๆ ที่มาขอใช้บริการจาก กสทช. และสำนักงาน กสทช. ตามที่กฎหมายกำหนด


       “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ


       “การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล


       “กสทช.” หมายความว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 


       “สำนักงาน กสทช.” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ


       “คลื่นความถี่” หมายความว่า คลื่นวิทยุหรือคลื่นแฮรตเซียนซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำกว่าสามล้านเมกะเฮิรตซ์ลงมาที่ถูกแพร่กระจายในที่ว่างโดยปราศจากสื่อนำที่ประดิษฐ์ขึ้น


       “จัดสรรคลื่นความถี่” หมายความว่า การอนุญาตให้สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุคมนาคม ใช้ความถี่วิทยุหรือช่องความถี่วิทยุตามตารางกำหนดคลื่นความถี่หรือแผนความถี่วิทยุเพื่อใช้งานภายใต้เงื่อนไขที่ กสทช. กำหนด


       “ตารางกำหนดคลื่นความถี่” หมายความว่า การกำหนดย่านความถี่วิทยุของวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุคมนาคม โทรคมนาคม และการอื่นเพื่อใช้งานภายใต้เงื่อนไขที่ กสทช. กำหนด


       “กิจการกระจายเสียง” หมายความว่า กิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการกระจายเสียง ซึ่งให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับฟังการให้บริการนั้น ๆ ได้ ไม่ว่าจะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน หรือกิจการอื่นทำนองเดียวกันที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการกระจายเสียง


       “กิจการโทรทัศน์” หมายความว่า กิจการวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรทัศน์ซึ่งให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับชมและฟังการให้บริการนั้น ๆ ได้ ไม่ว่าจะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน หรือกิจการอื่นทำนองเดียวกันที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการโทรทัศน์


       “กิจการวิทยุคมนาคม” หมายความว่า กิจการซึ่งเป็นการรับและส่งเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้โดยระบบคลื่นความถี่ เพื่อความมุ่งหมายทางโทรคมนาคมในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะหรือเป็นการเฉพาะกิจที่มิใช่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์


       “กิจการโทรคมนาคม” หมายความว่า กิจการซึ่งให้บริการการส่ง การแพร่ หรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้โดยระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน และรวมถึงกิจการซึ่งให้บริการดาวเทียมสื่อสาร หรือกิจการอื่นที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการโทรคมนาคม แต่ไม่รวมถึงกิจการที่เป็นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการวิทยุคมนาคม


       “สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม” หมายความว่า สิทธิที่ประเทศไทยหรือหน่วยงานของรัฐได้รับหรือมีอยู่ในการส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรตามข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ


       “ระบบสารสนเทศที่ให้บริการ” หมายความว่า ระบบสารสนเทศที่สำนักงาน กสทช. จัดไว้เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ


       สำนักงาน กสทช. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในฐานะผู้ใช้บริการดังนี้


       ๑. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้


       ๑) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามอำนาจหน้าที่ของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ เพื่อการออกใบอนุญาต การกำกับดูแลการประกอบกิจการ การคุ้มครองผู้บริโภค หรือการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการวิทยุคมนาคม กิจการโทรคมนาคม และกิจการดาวเทียม เป็นต้น


       ๒) เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานในระหว่างกระบวนการพิจารณาอนุญาต


       ๓) เพื่อใช้ประกอบการออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี


       ๔) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำรายงานเชิงวิเคราะห์ ข้อมูลสถิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์สาธารณะ


       ๕) เพื่อใช้ตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนในการใช้งานระบบสารสนเทศที่ให้บริการ


       ๖) เพื่อบันทึกข้อมูลผู้ขอใบอนุญาตบนฐานข้อมูลของระบบสารสนเทศที่ให้บริการ


       ๗) เพื่อดูแลตรวจจับและป้องกันมิให้มีการใช้ระบบที่ให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้ในลักษณะฉ้อฉล หรือในทางมิชอบด้วยกฎหมาย และจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐  


       ๘) เพื่อใช้ในกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ใช้บริการเกี่ยวกับการประกอบกิจการของผู้ใช้บริการ


       ๙) เพื่อใช้ในการสอบสวนการกระทำความผิดต่าง ๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของ
กสทช. และสำนักงาน กสทช. 


       ๑๐) เพื่อปรับปรุงการให้บริการของสำนักงาน กสทช.


       ๑๑) เพื่อส่งข้อมูลของผู้ใช้บริการไปยังหน่วยงานที่ปรึกษาหรือองค์กรอื่น ๆ เพื่อการได้รับบริการทางวิชาชีพหรือความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ตามสัญญาจ้าง หรือตามที่กฎหมายกำหนด


       ๑๒) เพื่อการใช้อำนาจหน้าที่ในการบังคับทางปกครอง กระบวนการพิจารณาทางปกครอง การระงับข้อพิพาท การมีคำสั่งทางปกครอง การดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมาย หรือการดำเนินการคดีอื่น ๆ    


       ๒. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม


       สำนักงาน กสทช. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยมีรายการดังต่อไปนี้


       ๑) ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคลหรือข้อมูลที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ เช่น ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ข้อมูลบนบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลบนสำเนาหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับสัญชาติและเชื้อชาติ ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม


       ๒) ข้อมูลสถานที่หรือวิธีการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ 


       ๓) ข้อมูลการประกอบวิชาชีพ เช่น อาชีพ ตำแหน่ง สถานที่ทำงานหรือสถานที่ติดต่อ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่าง ๆ ข้อมูลการได้รับอนุญาตให้ประกอบ


       ๔) ข้อมูลทางการเงิน เช่น เงินเดือน หรือรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีของผู้ใช้บริการ ข้อมูลผู้เสียภาษี เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขที่ใบเสร็จรับเงิน


       ๕) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่ผู้ใช้บริการแจ้งแก่สำนักงาน กสทช. เช่น คู่สมรส ผู้ถือหุ้น รายชื่อหุ้นส่วน หรือผู้ค้ำประกัน


       ๖) ข้อมูลที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น ข้อมูลจากระบบกล้องวงจรปิด


       ๗) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ตามที่ประกาศหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด เช่น ข้อมูล Log ทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ข้อมูลแสดงตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์หรือบันทึกข้อมูลที่ได้มาโดยอัตโนมัติจากอุปกรณ์ของผู้ใช้บริการบางรายการ เช่น ประเภทอุปกรณ์ ประเภทระบบปฏิบัติการ เลขที่อยู่ไอพี ข้อมูลเบราเซอร์ รวมถึงประเภทและการตั้งค่าภาษา ตัวระบุเครื่อง ข้อมูลคุกกี้ หรือตัวระบุแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่


       ๘) ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบและการให้บริการของสำนักงาน กสทช.


       ๙) ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การส่งเสริมการแข่งขัน และการคุ้มครองผู้ใช้บริการ


       ๓. ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังนี้


       ๑) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ เช่น พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ และพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ 


       ๒) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้  ต้องปฏิบัติ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน และกฎหมายเกี่ยวกับการคลังหรือภาษีอากร 


       ๓) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างผู้ใช้บริการกับสำนักงาน กสทช. 
โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เช่น ในช่วงที่ผู้ใช้บริการสมัครลงทะเบียนขอบัญชีผู้ใช้งานเพื่อขอรับบริการบนระบบสารสนเทศที่ให้บริการ


       ๔) ความยินยอม ในกรณีที่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมกับสำนักงาน กสทช. ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล


       ๔. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดและตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ กสทช. หรือ สำนักงาน กสทช. ในการจัดทำบริการสาธารณะ และหน้าที่อื่น ๆ  ตามกฎหมาย รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิทางศาลหรือการระงับข้อพิพาทใด ๆ ในอนาคต รายละเอียดปรากฏตามนโยบาย เรื่องระยะเวลาการเก็บรักษาและการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (NBTC Retention and Disposal Policy) โดยเมื่อพ้นระยะเวลาการจัดเก็บดังกล่าวแล้ว สำนักงาน กสทช. จะลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยทันที ยกเว้นกรณีที่ผู้ใช้บริการได้ใช้สิทธิ หรือมีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการ สำนักงาน กสทช. ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าการใช้สิทธิของผู้ใช้บริการได้ดำเนินการจนถึงขั้นยุติ หรือข้อพิพาทหรือคดีความจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว


       ๕. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล 


       สำนักงาน กสทช. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้บริการโดยตรง ทั้งจากการขอรับบริการ ณ สำนักงาน กสทช. และการขอรับบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการปกครอง กรมสรรพากร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 


       ๖. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของแก่บุคคลหรือหน่วยงาน ดังนี้ 


       ๑) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)


       ๒) คู่สัญญา ผู้ให้บริการภายนอก หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่สำนักงาน กสทช. 
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เช่น ผู้ให้บริการระบบงาน ผู้พัฒนาเว็บไซต์ ผู้ตรวจสอบ หรือที่ปรึกษา


       ๓) เจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือบุคคลอื่น เพื่อการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งหรือหมายศาล เป็นต้น


       ๔) หน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่มีการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ (Open data) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา หน่วยงานกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หน่วยงานตรวจสอบด้านการปราบปรามการกระทำความผิด หรืออาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานตรวจสอบด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หน่วยงานตรวจสอบด้านการการคลังหรือภาษีอากร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ


       ๗. การโอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังองค์กรระหว่างประเทศ


       เพื่อให้การดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. บรรลุตามวัตถุประสงค์ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการในฐานะหน่วยงานอำนวยการของรัฐที่มีอำนาจในการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม กิจการดาวเทียม และกิจการสื่อสารอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) หรือกับองค์การระหว่างประเทศอื่น รัฐบาลและหน่วยงานต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้การบริหารจัดการคลื่นความถี่ การจัดสรรคลื่นความถี่ และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ตลอดจนการประสานงานเกี่ยวกับการบริหารคลื่นความถี่ระหว่างประเทศตามที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช.  จึงอาจมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปยังต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ โดยสำนักงาน กสทช. จะดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด


       ๘. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒


       ผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ภายใต้เงื่อนไขและข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้


       ๑) สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่สำนักงาน กสทช. เก็บรวบรวมโดยที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความยินยอม เว้นแต่กรณีที่ สำนักงาน กสทช. มีสิทธิปฏิเสธคำขอตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลและกรณีที่การขอเข้าถึงและรับสำเนาของผู้ใช้บริการจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น


       ๒) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 


       ๓) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกรณี ดังนี้


            ๓.๑) เมื่ออยู่ในระหว่างที่สำนักงาน กสทช. ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของผู้ใช้บริการ เพื่อให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน


            ๓.๒) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


            ๓.๓) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งแก่ผู้ใช้บริการในการเก็บรวบรวม แต่ผู้ใช้บริการประสงค์ให้สำนักงาน กสทช.   เก็บรักษาข้อมูลนั้นไว้ต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ


            ๓.๔) เมื่ออยู่ในระหว่างที่สำนักงาน กสทช. กำลังพิสูจน์ให้ผู้ใช้บริการเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ


       ๔) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เว้นแต่กรณีที่ สำนักงาน กสทช. มีเหตุในการปฏิเสธสิทธิการคัดค้านของผู้ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น สำนักงาน กสทช. สามารถแสดงให้เห็นว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของสำนักงาน กสทช.


       เมื่อผู้ใช้บริการขอใช้สิทธิดังกล่าว สำนักงาน กสทช. จะตรวจสอบและดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิโดยไม่ชักช้าและภายในระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน นับแต่วันที่บันทึกคำร้องลงระบบเว้นแต่มีเหตุจำเป็นอื่นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้หรือมีกรณีที่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสำนักงาน กสทช. จะได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบโดยทันที 


       ๙. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของสำนักงาน กสทช.


       นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และสร้างความตระหนักให้ทราบโดยทั่วกันทั้งองค์กร พร้อมกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล และได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติดังกล่าว รวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาที่เหมาะสม


       ๑๐. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและผู้แทน


       สำนักงาน กสทช. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเมื่อได้รับคำร้องขอจากผู้ใช้บริการ 
ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ โดยส่งคำร้องขอมาที่ Call Center: ๑๒๐๐ อีเมล: ๑๒๐๐@nbtc.go.th


       ในกรณีที่ผู้ใช้บริการ ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีคำขอให้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือการดำเนินการใด ๆ กับข้อมูล
ส่วนบุคคล เช่น การแจ้งให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะจัดทำบันทึกการดำเนินการดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. อาจปฏิเสธสิทธิต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการหรือผู้แทนของผู้ใช้บริการได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้  


       ๑๑. การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง


       ในกรณีที่มีความจำเป็น สำนักงาน กสทช. อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างผู้ให้บริการภายนอก หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่สำนักงาน กสทช. เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของสำนักงาน กสทช. เช่น เป็นผู้ให้บริการระบบงาน ผู้พัฒนาเว็บไซต์ ผู้ดูแลระบบ หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างในรูปแบบอื่น ๆ


       การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะจัดให้มีข้อตกลงระบุถึงสิทธิและหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิและหน้าที่ของบุคคลที่สามที่สำนักงาน กสทช. มอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงการกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน กสทช. มอบหมายให้ประมวลผล วัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุไว้ในข้อตกลงและตามคำสั่งของสำนักงาน กสทช. เท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ และต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


       ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นบุคคลที่สามมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง 
(ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วงในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างสำนักงาน กสทช. กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล


       ๑๒. การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล


       สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตามประกาศฉบับนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการได้ โดยสำนักงาน กสทช. จะดำเนินการให้ผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้อย่างเคร่งครัด 


       ๑๓. การขอความยินยอม


       ในกรณีที่อาจต้องใช้ความยินยอมเป็นฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะขอความยินยอมสำหรับกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการขอความยินยอม สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้อิสระต่อผู้ใช้บริการในการที่จะให้หรือไม่ให้ความยินยอม และเมื่อได้ให้ความยินยอมแล้ว ผู้ใช้บริการมีสิทธิแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกความยินยอมนั้นได้โดยอิสระ แต่ต้องไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น


       ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกความยินยอม สำนักงาน กสทช. จะจัดเก็บบันทึกคำขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขความยินยอมของผู้ใช้บริการไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบได้ 
หากผู้ใช้บริการต้องการเข้าถึงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลดังกล่าวได้จาก 
Call Center 1200 หรืออีเมล: 1200@nbtc.go.th


       ในกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการโดยเร็วที่สุดและภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑๔ วัน นับจากวันที่ได้รับคำร้องขอจากผู้ใช้บริการ และบันทึกคำร้องดังกล่าวในระบบบริหารจัดการความยินยอม


       ๑๔. ความเสี่ยง


       สำนักงาน กสทช. มีความตระหนักต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ และสำนักงาน กสทช. ได้จัดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อให้ความเสี่ยงเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการอยู่ในระดับที่ควบคุมได้


       ๑๕. การปรับปรุงหรือแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว


       สำนักงาน กสทช. อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ผู้ใช้บริการได้รับทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.nbtc.go.th, https://oss.nbtc.go.th, https://bcsservices.nbtc.go.th/eservices โดยการระบุวันที่กำกับไว้ที่ประกาศสำนักงาน กสทช. จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ  


       ในกรณีที่ผู้ใช้บริการพบว่า สำนักงาน กสทช. มิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ผู้ใช้บริการมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าวสำนักงาน กสทช. ขอให้ผู้ใช้บริการโปรดติดต่อมายังสำนักงาน กสทช. เพื่อให้สำนักงาน กสทช. มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของผู้ใช้บริการก่อนเป็นโอกาสแรก


       ๑๖. การติดต่อสอบถามและการร้องเรียน


       ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ หรือใช้สิทธิร้องเรียนตามกฎหมาย หรือขอใช้สิทธิต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดได้ที่


ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)


ชื่อหน่วยงาน:    สำนักงาน กสทช.


สถานที่ติดต่อ:   สำนักงาน กสทช. ๘๗ ถนนพหลโยธิน ซอย ๘ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร : ๐ ๒๖๗๐ ๘๘๘๘


ช่องทางการติดต่อ:   อีเมล : 1200@nbtc.go.th , Call Center: 1200 (โทรฟรี)


 Download :
นโยบายและแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)


ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)


นโยบายการเก็บรักษาและการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Retention and Disposal Policy)



ดาวน์โหลดแบบคำร้องขอเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล